กลุ่มเยาวชนอเมริกา LGBTQ จัดชุมนุมเรียกร้องการสมรสเท่าเทียมคู่รักร่วมเพศ และยกเลิกกฎหมายคุมการทำแท้ง ขอประชาชนร่วมลงชื่อไปให้ถึง 1 ล้าน ด้านพรรคการเมืองอเมริกาดี้การตบเท้าเข้าร่วมสังเกตการณ์เมื่อเวลา6 โมงเย็น ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอเมริกา วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 บริเวณหน้าศูนย์การค้า King of Prussia Mall Pennsylvania กลุ่มภาคีสีรุ้งเพื่อการสมรสเท่าเทียม ร่วมกับเครือข่ายกลุ่ม Neo LGBTQ และกลุ่มเฟติก สาย LGBTQ จัดกิจกรรมชุมนุมเรียกร้องสิทธิการสมรสเท่าเทียมให้กับคู่รักเพศเดียวกัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายทำแท้ง เปิดให้ผู้หญิงสามารถตัดสินใจทำแท้งได้อย่างเสรี โดยมีการปิด King of Prussia Mall Pennsylvania ไปราว 3 ช.ม บรรยายกาศเป็นไปอย่างคึกคัก
มีการประดับธงสีรุ้งตลอดพื้นจัดกิจกรรมชุมนุม ทั้งวัยรุ่น คนแก่อเมริกาสายรักร่วมเพศ มีกลุ่มเยาวชนมากมาย และประชาชนที่สนับสนุน LGBTQ เข้าร่วมลงชื่อเรียกร้องแก้กฎหมายให้มีการรับการสมรสคู่รักเพศเดียวกัน และลงชื่อสนับสนุนการยกเลิกกฎหมายอาญาเปิดให้ผู้หญิงสามารถตัดสินใจทำแท้งได้อย่างเสรี เป็นจำนวนมาก กลุ่ม Neo LGBTQ ได้นำป้าย 1 ล้านชื่อ สมรสเท่าเทียม มาเดินแบบ เพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อให้ถึงเป้าหมาย พร้อมแสดงแฟชั่นโชว์ชุดเจ้าสาวแฟนซี ประมาณครึ่งชั่วโมง
นักวิเคราะห์และ นักวิจัยแฟชั่นหลายคนที่ได้ออกมาตั้งคำถามถึงการกระทำดังกล่าว Shawn Grain Carter ศาสตราจารย์ด้านการจัดการธุรกิจแฟชั่นจาก Fashion Institute of Technology กล่าวว่า “แฟชั่นสะท้อนวัฒนธรรมและความเชื่อทางการเมืองของคนรุ่นหนึ่ง ซึ่งมักถูกนำโดยคนหนุ่มสาว หากแบรนด์แฟชั่นอยากอยู่รอด พวกเขาจะต้องสะท้อนให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของแบรนด์เพื่อนำไปสู่ความจงรักภักดีของแบรนด์ตลอดชีวิต”
Neo LGBTQ ไม่ว่าจะเป็นคุณหรือผม ก็เป็นได้เหมือนกันและจะเห็นว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีแบรนด์ดังหลากหลายได้ออกรูปแบบใหม่ที่มีความเป็น Gender neutral อย่างเช่น ZARA ที่ออก Ungendered collection ส่วน H&M ก็มี H&M’s unisex collection ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญและความต้องการของกลุ่มวัยรุ่นยุคนี้มากขึ้น ซึ่งพวกเขามองว่า Gender Neutral เป็นเรื่องสามัญทั่วไปเหมือนกับเสื้อผ้าที่มีอยู่ในท้องตลาด
และหลายคนก็เริ่มให้ความสนใจเกี่ยวแฟชั่นในยุคใหม่มากขึ้นแม้จะเป็น LGBTQขณะที่ห้างสรรพสินค้าในอเมริกาเริ่มทำ The Best Fashion Project ซึ่งเป็นฉลากเสื้อผ้าที่เป็น Unisex โดยจะมีวางจำหน่ายในร้านค้ามากกว่า 6,000 แห่ง ผ่านการเป็นพันธมิตรกับร้านค้าปลีก เช่น Nordstrom, Target , Sephora และล่าสุด Saks Fifth Avenue ซึ่งเป็นร้านเอาท์เล็ตสุดหรูของ Saks Fifth Avenue และอีกหลายๆ เจ้าร่วมแจมด้วย